-
บทสัมภาษณ์ของครูทองจากหนังสือ “ลลนา”
บทสัมภาษณ์ของครูทองจากหนังสือ “ลลนา” ฉบับเดือน ตุลาคม 2526 หน้า 62 – 76 บทสัมภาษณ์ของครูทองในหนังสือ “ลลนา” ฉบับเดือน ตุลาคม 2526 หน้า 62 – 76 ท่านได้กล่าวไว้หลายหัวข้อมากมายในประสบการณ์การเรียนมวยของท่านว่าท่านได้เรียนวิชาใดมาบ้าง รวมถึง ช่วงที่ท่านได้เรียนกับ อาจารย์กิมเส็งได้ราวๆ 2 ปี ท่านได้วิชาแปลกๆหลายอย่าง เเล้วท่านก็นำมาผสมกับอาจารย์เขตร์สอนลูกศิษย์อยู่ทุกวัน เเล้วท่านก็นำมาดัดแปลงหลายอย่าง ท่านยังบอกอีกด้วยว่า “ไม่ใช่ว่าท่านอวดดีกับอาจารย์หรอก เเต่อาจารย์ท่าบอกว่า ถ้าเห็นอันไหนดี คุ้มตัว ป้องกันได้ – เอามวยไทยเราน่ะไม่จบ เเม้เเต่ตัวท่านเองท่านยังบอกว่า กูก็ไม่จบ” ซึ่งท่านได้พูดไว้ที่หน้า 71 ย่อหน้าที่ 3 บรรทัดที่ 9 ของย่อหน้า
-
“ผลไม้ลูกไม้ไม่อาจยั่งยืนอยู่ได้โดยปราศจากต้น”
“ผลไม้ลูกไม้ไม่อาจยั่งยืนอยู่ได้โดยปราศจากต้น” ต้นไม้จะต้องสมบูรณ์แข็งแรงผลจึงจะสมบูรณ์เปรียบเช่นวิทยาการศาสตร์ทั้งหลายไม่ว่าจะมีท่วงท่าไม้เด็ดไม้ตาย ไม้กล ลูกไม้ ฯลฯ ร้ายกาจสูงส่งเพียงใดลึกซึ้งเพียงใดหากผู้ได้รับ รับรู้ รู้เห็น ตกทอด ฯ แต่ขาดซึ่งรากฐานที่ถูกต้อง ก็ยากจะใช้ออกอย่างสมบูรณ์ได้ ดั่งเช่นผลไม้ ดอกไม้ ถูกเด็ดออกจากต้นไม้ฉันนั้นดุจกัน ในอดีตครูบาอาจารย์เรียนจริงฝึกจริง ได้รับการประสิทธิให้เป็นครูบาอาจารย์สืบทอดสายวิชาจริง การส่งต่อจึงบริสุทธิ์ปราศจากอคติ แม้การสร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับ ผู้สร้างชื่อจนได้รับการยกย่องขนานนามยอมรับให้เป็นครูบาอาจารย์ต่างก็เป็นนักรบ ขุนศึก นักดาบ นักมวย นักวิทยาการที่มีสังกัดสำนัก มีครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทให้ทั้งสิ้น ทุกท่านจึงนับว่ามีต้นอันสมบูรณ์ เชื่อถือได้แม้หายากแต่เมื่อพบแล้วเป็นต้นแท้ เพชรแท้แน่นอน ควรแก่การฝึกฝนเรียนรู้สืบต่อ ฯ แต่ในปัจจุบันยุคสื่อสาร สื่อวีดีทัศน์ไปทั่วโลกทุกซอกมุม คนมักติดอยู่ในโลกออนไลน์เสพติดจนยากจะแยกแยะว่า “ สิ่งใดแท้ สิ่งใดเทียม สิ่งใหนที่สุด สิ่งไหนครึ่งๆกลางๆ สิ่งใดเท็จ สิ่งใดจริง ฯลฯ “ ผู้คนผู้ใฝ่รู้จริงจึงควรใช้สติปัญญาอย่างสูงสุด ในการหาวิทยาการขนานแท้ซึ่งครูบาอาจารย์ตั้งต้นเองมีอยู่ทุกซอกมุมในโลกดุจกัน เข้าทำนอง ครูมีมากให้มองเห็น แต่หาครูแท้ๆได้ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรก็ไม่ปาน วิทยาการศาสตร์ที่เรียนเองตามตำราแผ่นหนัง แผ่นกระเบื้อง ฯ อย่างไรเสียก็สู้การมีครูผู้รู้จริงคอยบ่มเพาะขัดเกลาชี้แนะไม่ได้แม้จะเรียนจะฝึกจากวีดีโอก็ตาม อีกทั้งตำราก็มักจะมีท่าแม่ไม้ ลูกไม้ บันทึกจารึกให้ดูให้อ่านเป็นบางส่วนที่เขียนได้บรรยายได้แต่ก็ยากที่จะเขียนทุกอย่างลงเป็นตัวหนังสือได้หมดโดยเฉพาะอารมณ์ ไหวพริบ ปัญญา อันเป็นส่วนลึก “นามธรรม” อันอยู่ภายในแฝงท่วงท่าเหล่านั้น ท่ามวย ไม้เด็ดต่างๆ จึงประดุจประตู ลายแทงขุมทรัพย์ ให้ค้นหาเท่านั้นมันครึ่งๆกลาง ได้ยอด ได้กลาง ไม่ได้ต้น เป็นต้น เข้าทำนอง “หมอปะ” ในทางแพทย์เเผนไทยรักษาตามตำราที่ค้นเจอตกทอด แต่ปรุงยาประกอบยา(ยกยา) บัญญัติยาไม่เป็นตามอาการโรคที่ไม่เหมือนกันทุกคนแม้โรคเดียวกัน ต่างจากหมอที่เรียนที่ศึกษาอย่างลึกซึ้ง รู้อาการโรค รู้จักตัวยา รู้จักสรรพคุณตัวยา ฯ จนปรุงยาตามอาการและรักษาให้หายขาดได้ วิทยาการศาสตร์ศิลป์ก็ดุจกัน เรียนรู้ดูจดจำ ได้แต่ แตกท่า แก้ท่าไม่ได้ ตามสถานการณ์จะเอาตัวไม่รอดในที่สุด หมดท่าที่จำมาก็หมดกัน โปรดจำไว้วิทยาการศาสตร์ย่อมเรียนไม่รู้จบ ใครว่าจบ “ คนนั้นไม่ถึงแก่นแท้คำว่า ศาสตร์แห่งมวยไทย ” ดังในหนังสือปริทัศน์มวยไทย อาจารย์เขตร ศรียาภัยได้กล่าวไว้ในหน้า 166 (บรรทัดสุดท้าย) – 167 (บรรทัด1-3) ว่า…
-
กายวุธ โดย ครูแปรง ตอนที่ 13 การป้องกันการโดนแทงด้วยมีด
กายวุธ โดย ครูแปรง ตอนที่ 13 การป้องกันการโดนแทงด้วยมีด หลังจากมีคนสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ ชิงมือถือไอโฟน และ ทำร้ายจนตาย ซึ่งผู้ร้ายนั้นก็ยังไปก่อเหตุหลังจากนี้อีกถึง 3 เหตุในคืนเดียว ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงว่าภัยนั้นมาถึงทุกท่านได้ทุกเมื่อ วันนี้รายการ กายวุธ โดย ครูแปรง จึงนำเอาหลักการ แนวคิด ในการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุ และ วิธีการแก้ไข เบื้องต้น เมื่อเผชิญกับการโดนแทงด้วยมีด มาให้รับชมกัน 1.หัดที่จะมีสติ ระแวดระวังภัยอยู่เสมอ ยิ่งในสถานที่เปลี่ยว ควรหัดเรียนรู้ที่จะสังเกตรอบๆ หากเห็นสิ่งใดไม่น่าไว้ใจ จะได้รีบเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น 2.ควรพึงมีแนวคิดในเรื่องของการปกป้องชีวิตของ “ตนเอง” ก่อนสิ่งของเสมอ หากถูกปล้น ถูกจี้ ถ้าผู้ร้ายเพียงแค่ต้องการทรัพย์สิน ก็จงให้ไปอย่ายึดติดเสียดาย เพราะชีวิตของท่านนั้นสำคัญกว่าทรัพย์สินภายนอกเสมอ 3.แต่ก็ใช่ว่าเราจะมีสติได้ทุกครั้ง ในเหตุการณ์ครั้งนี้ในช่วงที่เข้ามายื้อแย่ง สัญชาติญาณของเราอาจจะทำการตอบโต้ไปก่อน จึงเกิดการยื้อกันขึ้น หากเป็นไปได้ อย่าพยายามที่จะต่อสู้ต่อ ให้รีบถอยห่างออกจากเหตุที่เกิดขึ้น เรียนรู้การปลดการจับ และ วิ่งหนีให้ไว เข้าสู่ที่ชุมชน ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ หรือ ให้ตะโกนว่าไฟไหม้ ซึ่งคนจะสนใจมากกว่า 4.เรียนรู้ทักษะการป้องกันตัว การเอาตัวรอดเมื่อเจอกับอาวุธ เมื่อถึงคราวจำเป็นที่หนีไม่พ้น ควรฝึกฝนโดยการจำลองสถานการณ์ และ แรงโดยใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง Credit : https://www.youtube.com/watch?v=Jgt09rJlkyQ ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรง : https://www.facebook.com/MuayThaiChaiya/
-
ประกาศสอบวัดระดับสาย มวยไชยา ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560
ประกาศสอบวัดระดับสาย มวยไชยา ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560 สำหรับนักเรียน มวยไทยไชยา ในศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรง ทุกสาขา สามารถตรวจสอบสิทธิ ในการสอบสาย เพื่อเลื่อนระดับขั้นของตนเอง ได้กับ ครูฝึกประจำสาขาทุกท่านนะครับ ขอให้ลงทะเบียนก่อนการสอบสายเพื่อจะได้ทราบจำนวนคนที่แน่ชัด และ จ่ายค่าสอบสายก่อนการเข้าสอบครับ ขอให้ผู้ที่มาสอบทบทวนการฝึกซ้อมในแต่ละขั้นของตนเองให้ดี โชคดีนะครับทุกท่าน
-
มวยไชยา กับการจรดมวยย่อต่ำ
มวยไชยา กับการจรดมวยย่อต่ำ การจรดมวยย่อแบบไชยา… นั้นมีเหตุผลมากมาย เต็มไปด้วยหลักการทางวิชาการของศาสตร์ในหลายแขนงของไทย เช่น การแพทย์แผนโบราณ ว่าด้วยเส้น ว่าด้วยเอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ เลือด ลม ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น การย่อเป็นการเก็บลูกสะบ้าเข่าให้ล็อกอยู่ในเบ้า ไม่ถึงพิการหากคู่ต่อสู้รู้วิธีทำ กล้ามขาเบ่งเกร็งเองเพื่อปิดเส้นสันตฆาตและปัตฆาต ป้องกันอัมพาตชั่วคราวหากถูกเตะพับนอกและพับใน มุมเข่าหน้าพลิกเข้าปิดจุดอ่อนด้านในแล้วล่อด้านนอกซึ่งแข็งกว่า น้ำหนักอยู่บนปลายเท้าทั้งสองโดยไม่ต้องยกส้นเท้าต้องสัมผัสรู้ พร้อมถ่ายแรงโยกโล้ไปทุกทิศตามกล ศอกหน้าตลอดแขนปิดหลุมหัวใจ ไหปาร้า ขมับ ตา แสกหน้า ตลอดจนเชิงกระหม่อม ศอกและแขนหลังปิดชายโครงอ่อน ตับ ไหปาร้า และกระเดือก อันเป็นจุดมรณะทุกจุด อันนี้เป็นเพียงภายนอกพอคร่าวๆ ซึ่งยังไม่พูดถึงภายใน การจรดมวยแบบนี้เมื่อเอาดาบมาใส่มือครูท่านเรียกว่า “มวยต่อมือ” ถ้าใส่ไม้ศอกก็เป็นโล่ห์ , ดั้ง , เขน ส่วนหอก , ง้าว , เสน่า , หน้าไม้ , เครื่องยิง เหล่านี้ไม่ต้องพูดถึง ลงตัวอย่างยิ่ง จึงอาจกล่าวได้ว่าการจรดมวยไชยาเป็นผลมาจากการตกผลึกโดยแท้จากศึกสงคราม ผู้ไม่เรียนดาบหรือเรียนอาวุธไทโบราณ จะรู้จะเข้าใจเพียงว่านี้คือการจรดแบบมวยไชยา หารู้ถึงกลที่ซ่อนแฝงไม่ การที่ครูแปรงได้ฝึกอาวุธโบราณอยู่บ้าง ยิ่งฝึกลึกๆเข้า ทำให้ยิ่งเห็นความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งพิสดาร จึงทำให้มีย่อมากกว่าหนึ่งวิธี และมีการนั่งอีกหลายแบบ ซึ่งมีผลยิ่งเกี่ยวกับจริตในการคิด ในการแตกลูกไม้เพื่อแก้ไขสถานการณ์อันล่อแหลมฉับพลันทันทีทันใดและเพื่อความปลอดภัย หลักการสลายแรง , ตัดแรง , ชิงแรง , ชิงคม , กลยุทธ , กลศึก ฯลฯ จากวิชาอาวุธและศาสตร์อื่นๆ จึงรวมเบ็ดเสร็จในคราวเดียวโดยไม่ต้องแบ่งแยก บางครั้งใช้ออกอาวุธดัง “มือเป็นมีด” “แขนเป็นดาบ” “ตีนเป็นหอก” “แข้งเป็นง้าว” แม้กระทั่งการปาด เฉือน จิ้ม ทิ่มแทง ฯลฯ เช่นกัน ผู้เป็นครูมวยจึงมีความสำคัญในการสร้างวิถีมวยในสายของตนให้เป็นอย่างไร และมีอัตลักษณ์แบบไหน มนุษย์เป็นสัตว์ฉลาดที่สุด ย่อมคิดวิธีต่อสู้ได้มากมายและใช้ทุกอย่างในกายและจิตที่ตนคิดค้นตามปัญญา แม้ขนาดเข้าฌานตีความกันก็ยังมี การเป็นครู ต้องมีความสามารถในการรู้คิด รู้วิธีสู้ได้ทุกสถานการณ์ เช่น ไม่ว่าในพื้นที่ๆใช้ต่อสู้นั้นจะมีความแข็งหรือนุ่มอย่างไร จะลื่นหรือไม่ลื่น อาจจะมีวิธีทำให้ลื่นหรือให้ล้มได้ตลอดเวลา ยิ่งที่แข็งยิ่งล้มง่ายและล้มเจ็บอย่างยิ่ง ลองคิดมุมกลับกัน ที่อ่อนนุ่มไม่จำเป็นต้องกลัวล้มเพราะล้มไม่เจ็บ จรดมวยสูงๆก็ย่อมไม่เป็นไร อีกอย่างการล้มมีมากวิธีแม้การพุ่งล้ม ถูกจับโยนให้ล้มยิ่งน่ากลัว จึงไม่จำต้องกล่าวเรื่องย่อแล้วล้มไม่เจ็บอีก เพราะทางเรามีล้มทุกมิติ ยืน…
-
ศาสตร์แห่งมวยไชยา
ศาสตร์แห่งมวยไชยา มวยไชยา… มิใช่เป็นเพียงมวยใต้ที่ก่อกำเนิดจากเมืองไชยา แท้จริงมวยไชยานั้นเป็นมวยในกองทนายเลือกของวังหลวง เป็นกองมวยรักษาพระองค์หน่วยที่สำคัญที่สุดใกล้ชิดองค์พระประมุขกว่าทหารหรือตำรวจเหล่าอื่นใด ประมาณช่วงรัชกาลที่ ๓ จึงได้ไปสู่เมืองไชยา เป็นสิ่งสูงสุดแล้วที่ได้ไป สูงสุดในทุกมิติทั้งมือเปล่าและอาวุธ หมายถึงเมื่อพระมหากษัตริย์ออกรบ หน่วยนี้ก็ต้องติดตามใกล้ชิดที่สุด เป็นทั้งหน้าช้าง เป็นทั้งรักษาพระองค์ เป็นทั้งจตุรงคบาท และอีกหลายๆชั้นหลายๆวง เป็นรัศมีรอบทิศ สภาพการรบรุกตลุมบอนแบบโบราณย่อมสั่งสมเคี่ยวกรำวิชาแห่งชีวิตนี้มาอย่างเอกอุ ในทุกมิติ ทุกสถานการณ์ ทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกๆจำนวนศัตรูที่รุมล้อมรุมรบ ไทยมิเคยมีกำลังมากกว่าผู้รุกราน จะใหญ่จะเล็กไม่มีโอกาสหลบลี้หลีกหนี ศักดิ์ศรีแห่งทนายเลือกที่เป็นมวยหลวง ปรมาจารย์เขตร และครูทอง ท่านแรงมากในเรื่องนี้ ครูแปรงเองก็ได้รับอิทธิพลให้รู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีแห่งสายวิชาของตนมิให้ปนกับวิชาใด (มิได้หมายถึงหยิ่งยโส) ทั้งนี้เพื่อส่งต่ออย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์นั่นเอง เรื่องเคล็ดวิชา หลักวิชา มีครบมาแต่เดิม ไม่ว่าจะเป็น “เหยาะ ย่าง ยัก เยื้อง” , “ป้อง ปัด ปิด เปิด” , “ล้ม ลุก คลุก คลาน” , “ทุ่ม ทับ จับ หัก” ฯลฯ ซึ่งมีครบทุกเคล็ดอย่างสมบูรณ์อยู่แล้วก่อนลงใต้ ทุกเคล็ดวิชามีเคล็ดซ้อนเคล็ดมากมาย เนื่องเพราะมวยไชยาเป็นศาสตร์ การคุมมวยแบบไชยาเป็นแม่บทปฐมหลักอันสำคัญที่บูรพาจารย์ท่านกำหนดด้วยปัญญาอันลุ่มลึกแหลมคมแล้วว่า ดีเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมี เพราะได้รับยกย่องว่ามวยไชยาเป็นมวยที่จรดมวยรัดกุมที่สุดในประเทศ เท่าที่เคยมีมาตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน (เป็นคำกล่าวของปราชญ์ในอดีต) อนาคตมวยต่างๆ โดยเฉพาะมวยที่มีมิติการเข้าทุ่ม จรดมวยแบบไชยา ก็มีให้เห็นกันบ้างแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้โลกได้รู้จักกันมากขึ้น ลักษณะมวยไชยา เป็นการรับด้วยมุมแหลมของอวัยวุธที่มาจากการจรดมวย ทุกมุมและทุกมิติของท่าคุมมวยไชยา จะเต็มไปด้วยเหลี่ยมด้วยมุมรอบตัวคอยส่ายรับการจู่โจม เป็นเส้นสายลวดลายของวิชา จึงมีเอกลักษณ์และอัตลักษ์ในการจรดมวยอย่างที่เห็น อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้เคล็ดหลักวิชาที่มีทั้งหมดให้สอดประสานร่วมกันจนเป็นหนึ่งเดียวดั่งสายน้ำ “ตีได้ตี” “จับได้ให้จับ” “ทุ่มได้ให้ทุ่ม” “หักได้ให้หัก” ฯลฯ แล้วแต่สถานการณ์นั้นๆ (ท่าเสือลากหาง) ในวิชาโบราณแขนงอื่นๆ ซึ่งมีหลักปรัชญาความคิดในแบบโบราณ ก็พบว่ามีวิธีคิดและหลักการที่คล้ายคลึงกัน เช่น การย่อต่ำที่พบในมวยไชยา ทางด้านเมืองเหนือ มีมวยเหนือและดาบเหนือซึ่งมีท่าที่ย่อต่ำมากๆเช่นกัน มวยโคราช มวยลพบุรี เท่าที่ทราบขณะเข้ามวยบางครั้งก็ย่อต่ำเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ใช้เป็นท่าหลักในการจรดมวยเท่านั้นเอง ครูแปรง / ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ * คัดลอกจากบทความที่ครูแปรงเคยเขียนขึ้น เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
-
GCS Knife Fighting Lv 2 Seminar
Gayawut Combat System Knife Fighting Lv.2 Seminar By Kru Praeng 30-31/5/2015
-
มวยไชยา มวยคาดเชือกไม่มีวันตาย
หนังสือพิมพ์ Post Today วันที่ 5 พ.ค. 2558 ได้ลงบทสัมภาษณ์ ครูแปรง ที่ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรง ต้นซุง แอฟเวนิว มีเนื้อหาดังนี้ครับ มวยไชยา มวยคาดเชือกไม่มีวันตาย! ผู้เขียนเขียนบทความนี้ในวันที่บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดมวยไทยต่อยชนะผู้ท้าชิงชาวจีน วันรุ่งขึ้นคือศึกซูเปอร์ไฟต์ แมนนี ปาเกียว ชกกับฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ ดูมวยระดับโลกชกกันสมราคาแล้วก็มีความสุข เหมือนกินข้าวกินน้ำอร่อยขึ้นไปหลายมื้อ ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์ครูมวยระดับประเทศอย่างครูแปรง-ณปภพ ประมวญ ฟังครูเล่าถึงมวยไชยา สายมวยคาดเชือกของไทย ศิลปะและการต่อสู้ที่ทำได้แค่นอกเวที! หลังจากเวทีที่มวยวัดพระบรมธาตุไชยาสิ้นสุดลง วงการมวยไชยาก็เริ่มเสื่อมจนถึงทุกวันนี้ จนแทบกล่าวได้ว่า มวยดังของไชยากำลังจะหมดไป เพราะขาดผู้สนับสนุนอย่างแท้จริง ที่สนับสนุนกันอยู่ก็ถูกพวกมากลากไปมาโดยกลุ่มธุรกิจการเมือง ทั้งที่คนไชยายังมีสายเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว ความปรารถนาจะปลุกวิญญาณความเป็นนักสู้ของเมืองมวยในอดีตให้เห็นประจักษ์ลุกโชนขึ้นในใจ…หรือจะเป็นเพียงแค่นั้น กำเนิดมวยไชยา จากหลักฐานคำบอกเล่า มวยไทยไชยาเริ่มต้นที่ “พ่อท่านมา” อดีตสมภารแห่งวัดเก่าแก่อรัญญิกชื่อวัดทุ่งจับช้าง ไม่มีใครรู้ชื่อจริงหรือพื้นเพเดิมของพ่อท่านมา รู้แต่ว่าท่านเป็นครูมวยใหญ่จากพระนคร บ้างก็ว่าเป็นขุนศึก หรือบ้างก็ว่าเป็นอดีตแม่ทัพ ได้หลบหนีไปอยู่ไชยาด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ถ่ายทอดวิชาต่อสู้แก่ชาวไชยาจนขึ้นชื่อเป็นเมืองมวย ครูแปรง-ณปภพ ประมวญ ครูมวยไชยาที่มีชื่อเสียง เล่าว่า มวยไชยาเป็นมวยคาดเชือกสายหนึ่งของไทย ศักดิ์ศรีระดับเดียวกับมวยสายลพบุรี มวยสายโคราช และมวยสายท่าเสา เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่มีประวัติสืบทอดมายาวนาน ศิษย์เอกที่ทำให้มวยเมืองไชยาเป็นที่รู้จักมากที่สุด ก็คือ พระยาวจีสัตยารักษ์ (ขำ ศรียาภัย) ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองไชยาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และได้สืบทอดมายังบุตรชายด้วย คือ ปรมาจารย์เขตร์ ศรียาภัย “มวยไชยากำเนิดขึ้นแล้วรุ่งเรืองเป็นลำดับ โดยมาเจริญสูงสุดในสมัยศาลาเก้าห้องที่พุมเรียง ซึ่งสร้างโดยพระยาวจีสัตยรักษ์ เป็นศาลาเสาไม้ 30 ต้นขนานกับทางเดินหรือทางด่าน เทศกาลแห่พระบกประจำปี จะแห่มาสมโภชที่นี่ ประชาชนและเจ้านายมาพร้อมกัน ในการนี้นักมวยจากแหล่งต่างๆ ทั่วสารทิศ จะมารวมตัวกันเพื่อจับคู่ชก” มวยไชยาตั้งแต่ครั้งอดีตจะสอนตั้งแต่การป้องกันตัว เป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ “ป้อง ปัด ปิด เปิด” ป้องกันตัวได้ตั้งแต่หัวแม่เท้ายันเส้นผม เมื่อผู้ได้ฝึก 4 ป.จนมีความชำนาญแล้ว จะสามารถเข้าใจและจะรู้ตัวเองว่า ได้ยืนอยู่หน้าประตูของการใช้ลูกไม้ต่างๆ เป็นศาสตร์มวยที่มากด้วยความระมัดระวัง อ่อนน้อมถ่อมตน แปรความรุนแรงของคู่ต่อสู้มาใช้ประโยชน์ โดยสะท้อนแรงให้กลับไปกระทำต่อฝ่ายที่โจมตีเข้ามานั่นเอง มวยไชยาเป็นมวยที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันตัว เป็นหนึ่งในสายมวยที่ถูกเลือกให้เป็นกรมทนายเลือก ทำหน้าที่คอยดูแลอารักขาความปลอดภัยพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ และยังเป็นหนึ่งในสายมวยที่ได้รับฉายา “หมื่นมวยมีชื่อ” เมื่อครั้งที่นายปล่อง จำนงทอง ใช้ท่าเสือลากหางอันเป็นท่าลูกไม้สำคัญเข้าทุ่มทับนักมวยจากโคราชลงไปสลบหน้าพระที่นั่งพระพุทธเจ้าหลวง…
-
GCS BY Kru Praeng EP.01
GCS BY Kru Praeng EP.01 Guyawut Combat System (GCS) EP.01 – self defence techniques from slap to face and Wrist grab release
-
รายการ กายวุธ โดย ครูแปรง
รายการ กายวุธ โดย ครูแปรง EP.01 เป็นรายการที่ทาง ศูนย์ศึกษาสยามยุทธ์บ้านครูแปรง ตั้งใจทำออกมาเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ เทคนิค วิธี การป้องกันตัว การเอาตัวรอด โดยจะพยายามนำเสนอ ท่าทางที่ง่ายๆ ได้ผลเร็ว เน้นการเอาตัวรอดเป็นหลักครับ ตอนแรกอาจจะตะกุกตะกักไปบ้าง ก็ขออภัยนะครับ ถ้ามีคำแนะนำติชมใดๆ ก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ จะนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมครับ หรือ จะสอบถามวิธีการป้องกันตัวในสถานการณ์ต่างๆ ก็ได้นะครับ สุดท้ายถ้าชอบก็อย่าลืมกดติดตามช่อง BannKruPraeng ใน youtube เพื่อเป็นกำลังให้เราด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ